วันเสาร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2558

การปฏิบัติธรรม

ในทางปฏิบัตินั้นท่านให้มาทิ้ง ไม่ได้ให้มาเอา ให้มารู้เพื่อจะละ ไม่ใช่มาบังคับให้เป็นไปตามใจ

การจะเกิดปัญญารู้แจ้งเห็นจริงนั้น จะต้องเห็นความเป็นจริงของสิ่งทั้งหลายที่ปรากฏตรงหน้าในปัจจุบันนั่นแหละ ซึ่งความจริงการเห็นนี่มาจากการสังเกต การเฝ้าดูนะไม่ใช่การไปทำอะไร

เห็นบ่อยๆ แล้วก็จะรู้จัก เมื่อรู้จักอย่างดีแล้วมันก็รู้จริง เมื่อรู้จริงมันก็แจ้ง ก็ปรากฏว่ามันไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ มันเป็นกระบวนการทำงานของเหตุปัจจัยมีสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา ที่ไหน

ดังนั้น ก็กล่าวได้ว่าการรู้แจ้งก็มาจากการเห็นของจริงๆ แล้วเห็นอะไรล่ะที่ว่าให้เห็นเนี่ย ก็ให้เห็นกาย เห็นใจตัวเองมันทำงานนั่นแหละ ยากไหม!

ทีนี้ก็เกิดคำถามได้อีกว่า จะเห็นไปทำไม?

เอ้า...ก็เพื่อประโยชน์และความสุขของผู้เห็นเองนั่นไง พอไหม จบเนาะ จบที่นี่เนาะ อย่าไปต่อเลยนะ มันมีแต่ทุกข์ ไม่เชื่อถามใจสิ ทุกข์ไหมกับการเจ็บไข้? ทุกข์ไหมกับการพลัดพรากจากของรัก คนรัก? ทุกข์ไหมกับการพบเจอกับเหตุการณ์ร้าย สิ่งที่ไม่เป็นที่รัก ที่พอใจ?

เอ้า...ไปดูเอานะ อย่าเสียทีที่เป็นมนุษย์เป็นพุทธบริษัทนะ เข้าใจไหม!

-ครูเบิร์ด(ส.น.ติกฺขปัญฺโญ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น