วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2558

การก้าวเดินสู่จุดหมาย

เราเกิดมาเพื่อก้าวเดินไปสู่จุดหมายอันสูงสุดของความเป็นมนุษย์

แต่จุดหมายสูงสุดนั้นมิใช่อะไรที่อยู่ปลายสุดขอบฟ้าโน่น เพราะที่นั่นไม่ได้มีอะไรที่มนุษย์ควรที่จะได้รับ

ลองดูภาพนี้สิ!

จุดหมายที่ควรเข้าถึงของเส้นทางสายนี้ มิได้อยู่ปลายอีกฟากหนึ่งของสะพาน หรือเส้นขอบฟ้าในยามตะวันจะชิงพลบ แต่มันอยู่ที่นี่และเดี๋ยวนี้ ตรงที่ทุกท่านกำลังมองภาพนี้ กำลังอ่านข้อความนี้ ที่ร่างกายอันกว้างศอก ยาววา หนาคืบ มีใจครองนี่

สังเกตสิ! ในปัจจุบันที่กำลังอ่านข้อความ สลับกับการมองภาพนี้ เนี่ยร่างกายเราอยู่ในอิริยาบถใด จิตใจเรากำลังทำงานอย่างไร เพียงเท่านี้นี่แหละจุดหมายที่ควรเข้าถึง เข้าใจ แล้วก็จะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ

ก้าวเดินไปบนหนทางแห่งความรู้สึกตัว สู่ความรู้ ตื่น เบิกบาน และที่สุดคือสิ้นทุกข์ทั้งปวง นี่จึงควรเป็นสิ่งที่มนุษย์สมควรจะไปให้ถึง เป็นสิ่งที่มนุษย์สมควรที่จะได้รับ เป็นจุดหมายสูงสุด.

-ครูเบิร์ด (ส.น.ติกฺปัญฺโญ)-

วันเสาร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2558

การปฏิบัติธรรม

ในทางปฏิบัตินั้นท่านให้มาทิ้ง ไม่ได้ให้มาเอา ให้มารู้เพื่อจะละ ไม่ใช่มาบังคับให้เป็นไปตามใจ

การจะเกิดปัญญารู้แจ้งเห็นจริงนั้น จะต้องเห็นความเป็นจริงของสิ่งทั้งหลายที่ปรากฏตรงหน้าในปัจจุบันนั่นแหละ ซึ่งความจริงการเห็นนี่มาจากการสังเกต การเฝ้าดูนะไม่ใช่การไปทำอะไร

เห็นบ่อยๆ แล้วก็จะรู้จัก เมื่อรู้จักอย่างดีแล้วมันก็รู้จริง เมื่อรู้จริงมันก็แจ้ง ก็ปรากฏว่ามันไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ มันเป็นกระบวนการทำงานของเหตุปัจจัยมีสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา ที่ไหน

ดังนั้น ก็กล่าวได้ว่าการรู้แจ้งก็มาจากการเห็นของจริงๆ แล้วเห็นอะไรล่ะที่ว่าให้เห็นเนี่ย ก็ให้เห็นกาย เห็นใจตัวเองมันทำงานนั่นแหละ ยากไหม!

ทีนี้ก็เกิดคำถามได้อีกว่า จะเห็นไปทำไม?

เอ้า...ก็เพื่อประโยชน์และความสุขของผู้เห็นเองนั่นไง พอไหม จบเนาะ จบที่นี่เนาะ อย่าไปต่อเลยนะ มันมีแต่ทุกข์ ไม่เชื่อถามใจสิ ทุกข์ไหมกับการเจ็บไข้? ทุกข์ไหมกับการพลัดพรากจากของรัก คนรัก? ทุกข์ไหมกับการพบเจอกับเหตุการณ์ร้าย สิ่งที่ไม่เป็นที่รัก ที่พอใจ?

เอ้า...ไปดูเอานะ อย่าเสียทีที่เป็นมนุษย์เป็นพุทธบริษัทนะ เข้าใจไหม!

-ครูเบิร์ด(ส.น.ติกฺขปัญฺโญ)