บางคนถามว่าเราจะภาวนาไปเพื่ออะไร คำตอบก็คือภาวนาไปเพื่อให้รู้ตามความเป็นจริง ความจริงคือทุกข์เท่านั้นที่เกิด ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรเกิด นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรตั้งอยู่ นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรดับไป ใจขณะที่จิตไปรู้ทุกข์ก็จะละสมุทัยโดยอัตโนมัติแล้วแจ้งต่อนิโรธโดยฉับพลัน กระบวนการทำงานของจิตตามทางนี้เรียกว่าอริยมรรค ดังนี้อริยสัจ ๔ ประการนั้นเกิดขึ้นพร้อมกันในขณะจิตเดียวนี่เอง....เมื่อผู้ใดรู้แจ้งแทงตลอดในอริยสัจผู้นั้นย่อมได้ชื่อว่าผู้หักรื้อทำลายกำแห่งสงสารจักรสำเร็จแล้ว สิ้นแล้วจากกิเลสาสวะทั้งปวง ภพสิ้นแล้ว ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำทำเสร็จแล้วกิจที่พึงทำอย่างนี้ไม่มีอีกต่อไป...
วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2555
วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2555
สุขที่แท้จริง
ใจที่เป็นอิสระจากสิ่งที่ย่ำยีเบียดเบียน ให้ฟูขึ้นหรือเหี่ยวลง ให้วิ่งไปวิ่งมา ให้เต้นเร็วเต้นช้า ลุ่มๆดอนๆ นั่าคือใจที่เป็นสุข ได้แก่ใจที่สงบเยือกเย็นแสนจะเย็น เพราะปราศจากไฟทางจิตทุกๆอย่าง ผู้ชนะตน คือผู้มีใจชนะสิ่งทั้งปวง อันมาเกี่ยวข้องกับตนหรือมีอยู่ในตน ทั้งที่เป็นอยู่เองตามธรรมชาติหรือปรุงแต่งขึ้นมาใหม่ก็ตาม...(ท่านอาจารย์พุทธทาส)
มนุษย์กับสัตว์เดรัจฉาน
"...การแสวงหาความสุขจากการกินอาหารก็ดี การแสวงหาความสุขจากเมถุนธรรมก็ดี และการรู้จักขี้ขลาดต่ออันตรายรู้จักหนีภัยก็ดี ๔ อย่างนี้มีเสมอกันระหว่างคนกับสัตว์...ธรรมะเท่านั้นที่จะทำความผิดแปลกแตกต่างระหว่างคนกับสัตว์...ดั้งนั้นเมื่อเอาธรรมะออกไปเสียแล้ว คนก็เท่ากับสัตว์..."
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)